Wednesday, May 30, 2012

คำถามของจักรพรรดิ...เวลาใด คนไหน ภารกิจใดที่สำคัญที่สุด?

นิทานเรื่องหนึ่งของ ลีโอ ตอลสตอย นักเขียนรางวัลโนเบลชาวรัสเซีย...
จักรพรรดิ พระองค์หนึ่ง ครุ่นคิดถึงปัญหา 3 ข้อมาเป็นเวลานาน พระองค์คิดว่าถ้าตอบคำถามนี้ได้จะทำให้พระองค์ทรงทำอะไรไม่ผิดพลาดเลย คำถาม 3 ข้อนี้คือ

1. เวลาไหนที่สำคัญที่สุด

2. ใครคือคนที่สำคัญที่สุด

3. ภารกิจอะไรที่สำคัญที่สุด

พระองค์ รับสั่งให้ป่าวประกาศไปทั่วอาณาจักรของพระองค์ว่า ใครก็ตามที่สามารถตอบคำถาม 3 ข้อนี้ได้ จะได้รับรางวัลมหาศาล คนทั้งหลายเมื่อได้อ่านประกาศนั้นแล้ว ต่างก็พากันเดินทางมุ่งมายังวังของพระจักรพรรดิทันที แต่ละคนก็มีคำตอบที่แตกต่างกันออกไป

พระจักรพรรดิไม่พอพระทัยคำตอบไหนเลย เพราะว่ามันแตกต่างกันไปหมด และก็เลยไม่มีใครได้รับรางวัล

หลัง จากคิดทบทวนอยู่หลายคืน พระจักรพรรดิก็ตัดสินพระทัยที่จะไปหาฤาษีตนหนึ่งผู้อาศัยอยู่บนเขา และว่ากันว่าเป็นผู้รอบรู้ในทุก ๆ ด้าน พระจักรพรรดิปรารถนาที่จะไปตรัสถามคำถามของตนทั้ง ๆ ที่รู้ว่าฤๅษีนั้นจะต้อนรับแต่เฉพาะคนยากจนเท่านั้น ไม่ยอมต้อนรับคนร่ำรวยหรือผู้มีอำนาจราชศักดิ์ พระจักรพรรดิจึงต้องปลอมตัวเป็นชาวนาธรรมดา และสั่งองครักษ์ให้คอยอยู่ที่เชิงเขา โดยที่พระจักรพรรดิทรงไต่เนินเขาขึ้นไปพบฤๅษีตามลำพัง

พอมา ถึงที่ อยู่ของ "ผู้รู้" ที่ว่านั้น พระจักรพรรดิก็ทรงพบว่าฤๅษีกำลังขุดดินอยู่ในสวนหน้ากระท่อมเล็ก ๆ ของตน เมื่อฤๅษีแลเห็นคนแปลกหน้าก็ผงกหัวเป็นการต้อนรับแล้วก็ขุดดินต่อไป เห็นได้ชัดว่าการใช้แรงนั้นเป็นงานหนัก เพราะฤๅษีนั้นชรามากแล้ว แต่ละครั้งที่จอบฟันลงไปพลิกดินขึ้นมา ท่านจะต้องหอบแรง ๆ ทุกครั้งไป

พระจักรพรรดิเข้าไปหาแล้วตรัสว่า "ผมมานี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากท่าน ขอให้ท่านช่วยแก้ปัญหา 3 ข้อของผมคือ

1. เวลาไหนที่สำคัญที่สุด

2. ใครคือคนที่สำคัญที่สุด

3. ภารกิจอะไรที่สำคัญที่สุด

ฤๅษี ฟังคำถามด้วยความเอาใจใส่แต่มิได้ตอบ เพียงแต่เอามือตบไหล่พระจักรพรรดิเบา ๆ และก็ขุดดินต่อไป พระจักรพรรดิตรัสว่า "ท่านคงเหนื่อยมาก มาให้ผมได้ช่วยท่านเถอะ" ฤๅษีขอบใจ แล้วก็ส่งจอบให้พระจักรพรรดิ จากนั้นก็นั่งพักบนพื้นดินนั้น

หลังจากขุดไปได้ 2 ร่อง พระจักรพรรดิก็หยุดและหันมาถามปัญหาทั้ง 3 อีกครั้งหนึ่ง ฤๅษีก็มิได้ตอบอีก แต่ยืนขึ้นและชี้มือไปที่จอบและบอกว่า "หยุดพักได้แล้วละ ฉันทำต่อไปได้แล้ว" แต่พระจักรพรรดิไม่ส่งจอบให้และขุดดินต่อไป ชั่วโมงหนึ่งผ่านไปแล้วก็สองชั่วโมง จนอาทิตย์ลับไปหลังภูเขา พระจักรพรรดิทรงวางจอบลงและหันมาตรัสกับฤๅษีว่า "ผมมาที่นี่เพื่อขอร้องให้ท่านช่วยตอบคำถามของผม หากท่านไม่สามารถตอบได้โปรดบอกให้ผมรู้ด้วย ผมจะได้กลับบ้านของผม"

ฤๅษี เงยหน้าขึ้นและถามจักรพรรดิว่า "เธอได้ยินเสียงใครกำลังวิ่งมาทางนี้หรือเปล่า" พระจักรพรรดิหันไปทอดพระเนตร ทันใดนั้นทั้งสองก็แลเห็นชายมีเคราขาวคนหนึ่งโผล่ออกมาจากป่าละเมาะ ชายคนนั้นวิ่งเตลิดมา มือทั้งสองกุมบาดแผลโชกเลือดที่ท้อง เขาวิ่งตรงมายังพระจักรพรรดิ ก่อนที่จะล้มลงสิ้นสติไปตรงพื้นดินนั้น พอเปิดเสื้อผ้าออก ทั้งจักรพรรดิและฤๅษีก็แลเห็นบาดแผลลึกที่หน้าท้องของชายผู้นั้น พระจักรพรรดิได้ทรงทำความสะอาดบาดแผลแล้วเอาฉลองพระองค์พันแผลให้ เพียงประเดี๋ยวเดียวเสื้อนั้นก็โชกไปด้วยเลือดเพราะเลือดไหลไม่หยุด พระจักรพรรดิก็เลยเอาเสื้อนั้นออกมาซักบิดให้แห้งแล้วพันแผลอีกเป็นครั้งที่ สอง และทำอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเลือดหยุดไหล

เมื่อคนเจ็บ ฟื้น ได้สติ ก็ร้องขอน้ำ พระจักรพรรดิรีบวิ่งไปที่ลำธาร ตักน้ำใสสะอาดมาให้เหยือกหนึ่ง ขณะนั้นดวงตะวันลับฟ้าไปแล้ว และอากาศหนาวยามค่ำคืนเริ่มแผ่คลุมไปทั่ว ฤๅษีช่วยพระจักรพรรดินำคนเจ็บเข้ามาในกระท่อมและให้นอนบนเตียงของตน ชายคนนั้นปิดตาลงและนอนหลับไป พระจักรพรรดิเองก็ประทับพิงประตูกระท่อมหลับไปเช่นกันด้วยความเหนื่อยอ่อน จากการปีนเขาและการขุดดินทั้งวัน และมาตื่นบรรทมขึ้นเมื่อตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว พระจักรพรรดิทรงลืมไปชั่วขณะว่าพระองค์เสด็จมาอยู่ที่ไหนและมาทำอะไร ทรงทอดพระเนตรไปที่เตียงคนเจ็บทันที และก็พบว่าชายผู้นั้นกำลังจ้องมองมายังตนอย่างฉงนฉงาย พอเห็นพระจักรพรรดิ ชายผู้นั้นก็ครวญครางออกมาอย่างแผ่วเบาว่า "ได้โปรดประทานอภัยโทษให้แก่ข้าพระองค์ด้วย"

"แต่เธอทำอะไรเล่าที่ฉันจะต้องให้อภัย" จักรพรรดิตรัสถามกลับ

"ท่าน ไม่รู้จักข้าพระองค์ แต่ข้าพระองค์รู้จักท่านดี พี่ชายของข้าพระองค์ถูกฆ่าตายเมื่อสงครามครั้งที่ผ่านมานี้ และทรัพย์สมบัติถูกริบหมด ข้าพระองค์จึงถือว่าท่านคือศัตรูคู่อาฆาตและได้ปฏิญาณไว้ว่าจะต้องล้างแค้น ให้ได้ เมื่อทราบข่าวว่าท่านขึ้นมาหาฤๅษีตามลำพัง ข้าพระองค์จึงตั้งใจจะดักฆ่าท่านเสียตอนท่านเสด็จกลับ แต่รออยู่นานไม่เห็นท่าน ข้าพระองค์จึงออกจากที่ซุ่มกำบังเพื่อตามหา แต่แทนที่จะพบท่าน ข้าพระองค์กลับไปเจอเอาทหารองครักษ์ของท่านเข้า พวกนั้นจำข้าพระองค์ได้ และเข้าจับกุมข้าพระองค์จนถูกมีดบาดเจ็บนี่แหละ แต่ข้าพระองค์ยังโชคดีที่หนีรอดการจับกุมได้และวิ่งมาที่นี่ ถ้าไม่ได้พบท่าน ป่านนี้ ข้าพระองค์คงตายไปแล้ว ข้าพระองค์ตั้งใจจะฆ่าท่าน แต่ท่านกลับช่วยชีวิตข้าพระองค์ไว้ ข้าพระองค์รู้สึกละอายใจ และสำนึกในพระคุณอย่างบอกไม่ถูก หากข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ต่อไป ขออุทิศชีวิตช่วงที่เหลือนี้รับใช้ท่านตลอดไป และจะสั่งสอนลูกหลานให้ทำเช่นเดียวกันด้วย ขอโปรดประทานอภัยให้ข้าพระองค์ด้วยเถิด"

พระจักรพรรดิดี พระทัยยิ่ง นักที่ศัตรูได้กลับมาเป็นมิตรอย่างง่ายดาย นอกจากจะประทานอภัยแล้ว ยังทรงสัญญาที่จะคืนทรัพย์สมบัติที่ริบมาจากชายผู้นั้น ตลอดจนจัดส่งแพทย์และคนใช้ไปคอยรักษาพยาบาล จนกว่าเขาจะหายเป็นปกติอีกด้วย พอสั่งทหารให้นำชายผู้นั้นไปส่งบ้านแล้ว พระจักรพรรดิก็เสด็จกลับมาหาฤๅษีอีกครั้ง เพื่อทวนคำถามเป็นครั้งสุดท้าย และพบว่าฤาษีกำลังหว่านเมล็ดพืชลงในแปลงดินที่ขุดไว้เมื่อวาน

ฤๅษีเงยหน้าขึ้นและหันมาทางพระจักรพรรดิ "คำถามของท่านได้รับคำตอบหมดแล้วนี่"

"อย่างไรกัน" พระจักรพรรดิทรงถามด้วยความงุนงง


"เมื่อ วานนี้ ถ้าท่านไม่เกิดความสงสารสังขารของฉัน และลงมือช่วยฉันขุดดิน ท่านก็คงถูกทำร้ายโดยชายผู้นั้นตอนขากลับ และคงต้องโทมนัสใจอย่างมากที่ไม่ได้พักอยู่กับฉัน ดังนั้นเวลาที่สำคัญที่สุดตอนนั้นก็คือเวลาที่ท่านขุดดิน บุคคลที่สำคัญที่สุดก็คือตัวฉัน และภารกิจที่สำคัญที่สุดก็คือการช่วยฉันขุดดิน จากนั้นเมื่อชายบาดเจ็บผู้นั้นวิ่งมา เวลาที่สำคัญที่สุดก็คือตอนที่ท่านช่วยพยาบาลเขา เพราะมิฉะนั้นเขาก็จะต้องตายไป และท่านก็จะหมดโอกาสที่จะได้กลับเป็นมิตรกับเขา และเช่นเดียวกัน บุคคลสำคัญที่สุดก็คือชายผู้นั้น และภารกิจสำคัญที่สุดก็คือการรักษาพยาบาลเขา"

"จง จำไว้ว่า มีเวลาที่สำคัญที่สุดเวลาเดียวคือ "ปัจจุบัน (present)" ช่วงขณะปัจจุบันเท่านั้นที่เป็นเวลาที่เราเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง
บุคคล ที่สำคัญที่สุดก็คือคนที่เรากำลังติดต่ออยู่ คือคนที่อยู่ต่อหน้าเรา เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะมีโอกาสได้ติดต่อกับใครอีกหรือไม่ และ
ภารกิจที่สำคัญที่สุดก็คือ การทำให้คนที่อยู่กับเราขณะนั้น ๆ มีความสุข เพราะนั่นเป็นภารกิจอย่างเดียวของชีวิต"

อดีตนั้นเรื่องราวที่ผ่านพ้
อนาคตยังสับสนไม่มาถึง
ปัจจุบันต่างหากที่ใจเราควรคำนึง
จงลึกซึ้งทำวันนี้ให้สมใจ



นิทานโดย Force Jirawat our dear cyber friend ....

Monday, May 28, 2012

2012:: Group A

Professional Google SketchUp 9 project in Surveying Engineering Field Practice course Department of Civil Engineering Faculty of Engineering  Thammasat University THAILANDนักศึกษา ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ..

http://is.gd/surveying

Esthetic View of Surveyed Area by Group A 2012



.





Professional Google SketchUp 9 in Surveying Engineering by Group A Department of Civil Engineering Faculty of Engineering  Thammasat University THAILAND
นักศึกษา ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ..








.

Wednesday, May 23, 2012

ภาพหลุดค่ายสำรวจ 2555



http://is.gd/surveying
 ผมเมาแป๊ปซี่ครับ




 อิ่มแล้ว...นอน
 หล่อจัง
 ผมหล่อไม๊ครับ
 ยิ้มสวยจัง
 มาที่นี่ต้องได้ขี่(ม้า)
 ขยันมากเลยอ่ะ
 ลูบๆคลำๆ
 4หนุ่ม F4

 ระวังรถน่ะ













Tuesday, May 22, 2012

กลุ่ม 6 Survey Camp ค่ายสำรวจ จ.นครราชสีมา 2555

Survey Camp ค่ายสำรวจ จ.นครราชสีมา 2555

กลุ่ม 6


อุปกรณ์พร้อม ความรู้พร้อม ลุย!

หล่อทุกคน (คุณกิตติ คุณเมาึรึป่าว)

 เย้! งานเสร็จแล้วครับ

  หล่อมาก (ถ้าไม่มีคน)

 กล้อง.......ทุกคนวิ่งมาถ่ายพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย!

 ม้าที่นี่ขี้เล่นมาก(ปล.อย่าเหยียบไม้สต๊าฟ)


สบายๆ ยามเย็น (สัญญาไม่ได้เก๊กท่า)

สภาพภูมิประเทศ แลกมาด้วยหยาดเหงื่อ
และความรู้จากอาจารย์

 บรรยากาศยามเย็น สวยมาก

รูปจะสวยได้เพราะคนถ่ายรูปเก่งครับ

 
ผมหล่อครับ

 ยังไม่เริ่มงาน ถ่ายรูปก่อนครับผม :D

 คอกม้า

มะม่วงที่นี่อร่อยมากจริงๆ


 ดูมันนอน!

 หล่อมากจริงๆยกนิ้วให้(กลาง)

รวมพลคนโยฯ 2555

Wednesday, May 16, 2012

ค่ายวิศวกรรมสำรวจ 2555

เท่ห์สุด ๆ กับ สุดนายแบบแห่งค่ายสำรวจ Surveying Field Camp งานไม่ทำ เอาแต่เก็ก
เจษ โย With Anunt Amonkanjanapun, Anuwat Krutumna, Tay Tinnapat, ลีจุง กิด, Dulpinit Noo-iad, KEv Kesviyakarn and Cheewin Kaewthai.
 
(c)Copyright 2009 All rights reserved (c) 2552 สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.